วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

14 พฤศจิกายน 2556

  14   พฤศจิกายน   2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 เวลา 15.00 - 17.30  กลุ่มเรียน 102
อาจารย์ตฤณ   แจ่มถิน

การตกลงเรื่่องเกณฑ์การให้คะแนน




ความรู้ที่ได้รับ
           เด็กที่มีความต้องการพิเศษมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Children with special needs 
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการให้คำนิยามเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ตามลักษณะของการจัดให้บริการ โดยแยกลักษณะการให้บริการได้ดังนี้
             1. ทางการแพทย์ มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษเหล่านี้ว่า เด็กพิการ ดังนั้นเด็กที่มีความต้องการพิเศษจึงหมายถึง ผู้ที่มีความผิดปกติ ผู้ที่มีความบกพร่อง หรือ ผู้ที่มีการสูญเสียสมรรถภาพอาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกายหรือการสูญเสียสมรรถภาพเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำ เนินชีวิตของเขาทำให้เขาไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ดีเท่ากับคนปกติ แต่หากมีการ แก้ไขอวัยวะที่บกพร่องไปให้สามารถให้งานได้ดังเดิมแล้ว สภาพความบกพร่อง อาจหมดไป
            2. ทางการศึกษา ให้ความหมายเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า หมายถึงเด็กที่มี ความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการคือศึกษาให้ ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตรกระบวนการที่ใช้และการประเมินผล
             สรุปคำว่า " เด็กที่มีความต้องการพิเศษ "  จึงหมายถึงการมีข้อจำกัดใดๆ หรือการขาดความสามารถอันเป็นผลมา จากการให้การช่วยเหลือและการสอนตามปกติทั้งนี้มีสาเหตุจากสภาพความบกพร่องทางร่างกายสติปัญญา และอารมณ์ จำเป็นต้องได้รับการ กระตุ้น ช่วยเหลือ การบำบัด ฟื้นฟูและให้การเรียนการสอนที่เหมาะ กับลักษณะ และความต้องการของเด็ก

ประเภทของเด็กพิเศษ

  1. กลุ่มเด็กที่มีความสามารถสูง หรือเป็นเลิศทางปัญญา กลุ่มนี้เป็นกลุ่มทีาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และพัฒนาตนเองได้เพราะเป็นผู้มีความสามารถทางสติปัญญา หรือความถนัดเฉพาะทาง เมื่อทำการทดสอบระดับสติปัญญา จะพบระดับสติปัญญาสูงกว่า 120 ขึ้นไป
  2. กลุ่กเด็กที่มีความบกพร่อง ด้วยความสามารถ กลุ่มนี้จำแนกได้ 9 ประเภทคือ
  1. เด็กที่มีบกพร่องทางสติปัญญา
  2. เด็กที่มีบกพร่องทางการได้ยิน
  3. เด็กที่มีบกพร่องทางการเห็น
  4. เด็กที่มีบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
  5. เด็กที่มีบกพร่องทางการพูดและภาษา
  6. เด็กที่มีพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
  7. เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
  8. เด็กทีมีปัญหาทางออทสติก
  9. เด็กทีมีปัญหาพิการซ้ำซ้อน

เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา 

ลักษณะบางอย่างของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่พอสังเกตได้ดังนี้
  1. พัฒนาการทางร่างกาย ภาษา อารมณ์ และสังคม เช่น การชันคอ
  2. ไม่พูด หรือพูดได้ไม่สมวัย
  3. ช่วงความไม่สนใจสั้น วอกแวก
  4. ขาดความสนใจในสิ่งที่เฉพาะเจาะจง
  5. ความคิด และอารมณ์ เปลี่ยนแปลงง่าย
  6. อดทน ต่อการรอคอยน้อย
  7. ทำอะไรรุนแรง ไม่มีเหตุผล ไม่ถูกกาลเทศะ
  8. ความเข้าใจจากการฟังดีกว่าการอ่าน
  9. การจำตัวอักษร หรือข้อความน้อยกว่าวัย
  10. มักมีปัญหาทางการพูด
  11. อวัยวะบางส่วนมีรูปร่างผิดปกติ
  12. กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
  13. ไม่สามารถช่วยตนเองได้ เมื่อเปรียบเทียบกับวัยเดียวกัน
  14. ชอบเล่นกับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า


 เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน

ลักษณะบางอย่างของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินที่พอสังเกตได้ ดังนี้
  1. ไม่ตอบสนองเมื่อเรียก
  2. มักตะแคงหูฟัง
  3. ไม่พูด มักแสดงท่าทาง
  4. พูดไม่ชัด เสียงผิดปกติ
  5. พูดไม่ถูกหลักไวยากรณ์
  6. พูดด้วยเสียงแปลก มักเปล่งเสียงสูง
  7. พูดด้วยเสียงต่ำหรือด้วยเสียงที่ดังเกินความจำเป็น
  8. วลาฟังมักจะมองปากของผู้พูด หรือจ้องหน้าผู้พูด
  9. รู้สึกไวต่อการสั่นสะเทือน และการเคลื่อนไหวรอบตัว
  10. ไม่มีปฏิกิริยาต่อเสียงดัง เสียงพูด เสียงดนตรี หรือมีบ้างเป็นบางครั้ง
  11. ไม่ชอบร้องเพลงไม่ชอบฟังนิทานแต่แสดงการตอบสนองอย่างสม่ำเสมอ ต่อเสียงดังในระดับที่เด็กได้ยิน
  12. มักทำหน้าที่เด๋อเมื่อมีการพูดด้วย
  13. ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้


เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น




ลักษณะบางอย่างของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นที่พอสังเกตได้ มีดังนี้
  1. เดินงุ่มง่าม ชนและสะดุดวัตถุ
  2. ไม่สนใจในสิ่งที่ต้องการใช้สายตา เช่นการเล่นช่อนหา
  3. มองเห็นสีผิดไปจากปกติ
  4. มักบ่นว่าปวดศรีษะ คลื่นใส้ ตาลาย คันตา
  5. ก้มศรีษะชิดกับงาน หรือของเล่นที่วางอยู่ตรงหน้า
  6. ขาดความสนใจ เหม่อลอย
  7. เพ่งตา หรี่ตา หรือปิดตาข้างหนึ่ง เมื่อใช้สายตา
  8. ตาและมือไม่สัมพันธ์กัน
  9. ลำบากในเรื่องการใช้บันได ใส่กระดุม ผูกเชือกรองเท้า อ่านและเขียนหนังสือ
  10. มีความลำบากในการจำ และแยกแยะสิ่งที่เป็นรูปร่างทางเรขาคณิต



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น