14 พฤศจิกายน 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 เวลา 15.00 - 17.30 น กลุ่มเรียน 102
อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
การตกลงเรื่่องเกณฑ์การให้คะแนน
การตกลงเรื่่องเกณฑ์การให้คะแนน
ความรู้ที่ได้รับ
เด็กที่มีความต้องการพิเศษมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Children with special needs
ลักษณะบางอย่างของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นที่พอสังเกตได้ มีดังนี้
เด็กที่มีความต้องการพิเศษมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Children with special needs
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการให้คำนิยามเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ตามลักษณะของการจัดให้บริการ โดยแยกลักษณะการให้บริการได้ดังนี้
1. ทางการแพทย์ มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษเหล่านี้ว่า เด็กพิการ ดังนั้นเด็กที่มีความต้องการพิเศษจึงหมายถึง ผู้ที่มีความผิดปกติ ผู้ที่มีความบกพร่อง หรือ ผู้ที่มีการสูญเสียสมรรถภาพอาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกายหรือการสูญเสียสมรรถภาพเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำ เนินชีวิตของเขาทำให้เขาไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ดีเท่ากับคนปกติ แต่หากมีการ แก้ไขอวัยวะที่บกพร่องไปให้สามารถให้งานได้ดังเดิมแล้ว สภาพความบกพร่อง อาจหมดไป
2. ทางการศึกษา ให้ความหมายเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า หมายถึงเด็กที่มี ความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการคือศึกษาให้ ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตรกระบวนการที่ใช้และการประเมินผล
1. ทางการแพทย์ มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษเหล่านี้ว่า เด็กพิการ ดังนั้นเด็กที่มีความต้องการพิเศษจึงหมายถึง ผู้ที่มีความผิดปกติ ผู้ที่มีความบกพร่อง หรือ ผู้ที่มีการสูญเสียสมรรถภาพอาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกายหรือการสูญเสียสมรรถภาพเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำ เนินชีวิตของเขาทำให้เขาไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ดีเท่ากับคนปกติ แต่หากมีการ แก้ไขอวัยวะที่บกพร่องไปให้สามารถให้งานได้ดังเดิมแล้ว สภาพความบกพร่อง อาจหมดไป
2. ทางการศึกษา ให้ความหมายเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า หมายถึงเด็กที่มี ความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการคือศึกษาให้ ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตรกระบวนการที่ใช้และการประเมินผล
สรุปคำว่า "
เด็กที่มีความต้องการพิเศษ " จึงหมายถึงการมีข้อจำกัดใดๆ
หรือการขาดความสามารถอันเป็นผลมา
จากการให้การช่วยเหลือและการสอนตามปกติทั้งนี้มีสาเหตุจากสภาพความบกพร่องทางร่างกายสติปัญญา
และอารมณ์ จำเป็นต้องได้รับการ กระตุ้น ช่วยเหลือ การบำบัด ฟื้นฟูและให้การเรียนการสอนที่เหมาะ
กับลักษณะ และความต้องการของเด็ก
ประเภทของเด็กพิเศษ
- กลุ่มเด็กที่มีความสามารถสูง หรือเป็นเลิศทางปัญญา กลุ่มนี้เป็นกลุ่มทีาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และพัฒนาตนเองได้เพราะเป็นผู้มีความสามารถทางสติปัญญา หรือความถนัดเฉพาะทาง เมื่อทำการทดสอบระดับสติปัญญา จะพบระดับสติปัญญาสูงกว่า 120 ขึ้นไป
- กลุ่กเด็กที่มีความบกพร่อง ด้วยความสามารถ กลุ่มนี้จำแนกได้ 9 ประเภทคือ
- เด็กที่มีบกพร่องทางสติปัญญา
- เด็กที่มีบกพร่องทางการได้ยิน
- เด็กที่มีบกพร่องทางการเห็น
- เด็กที่มีบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
- เด็กที่มีบกพร่องทางการพูดและภาษา
- เด็กที่มีพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
- เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
- เด็กทีมีปัญหาทางออทสติก
- เด็กทีมีปัญหาพิการซ้ำซ้อน
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
ลักษณะบางอย่างของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่พอสังเกตได้ดังนี้
- พัฒนาการทางร่างกาย ภาษา อารมณ์ และสังคม เช่น การชันคอ
- ไม่พูด หรือพูดได้ไม่สมวัย
- ช่วงความไม่สนใจสั้น วอกแวก
- ขาดความสนใจในสิ่งที่เฉพาะเจาะจง
- ความคิด และอารมณ์ เปลี่ยนแปลงง่าย
- อดทน ต่อการรอคอยน้อย
- ทำอะไรรุนแรง ไม่มีเหตุผล ไม่ถูกกาลเทศะ
- ความเข้าใจจากการฟังดีกว่าการอ่าน
- การจำตัวอักษร หรือข้อความน้อยกว่าวัย
- มักมีปัญหาทางการพูด
- อวัยวะบางส่วนมีรูปร่างผิดปกติ
- กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
- ไม่สามารถช่วยตนเองได้ เมื่อเปรียบเทียบกับวัยเดียวกัน
- ชอบเล่นกับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
ลักษณะบางอย่างของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินที่พอสังเกตได้
ดังนี้
- ไม่ตอบสนองเมื่อเรียก
- มักตะแคงหูฟัง
- ไม่พูด มักแสดงท่าทาง
- พูดไม่ชัด เสียงผิดปกติ
- พูดไม่ถูกหลักไวยากรณ์
- พูดด้วยเสียงแปลก มักเปล่งเสียงสูง
- พูดด้วยเสียงต่ำหรือด้วยเสียงที่ดังเกินความจำเป็น
- วลาฟังมักจะมองปากของผู้พูด หรือจ้องหน้าผู้พูด
- รู้สึกไวต่อการสั่นสะเทือน และการเคลื่อนไหวรอบตัว
- ไม่มีปฏิกิริยาต่อเสียงดัง เสียงพูด เสียงดนตรี หรือมีบ้างเป็นบางครั้ง
- ไม่ชอบร้องเพลงไม่ชอบฟังนิทานแต่แสดงการตอบสนองอย่างสม่ำเสมอ ต่อเสียงดังในระดับที่เด็กได้ยิน
- มักทำหน้าที่เด๋อเมื่อมีการพูดด้วย
- ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้
ลักษณะบางอย่างของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นที่พอสังเกตได้ มีดังนี้
- เดินงุ่มง่าม ชนและสะดุดวัตถุ
- ไม่สนใจในสิ่งที่ต้องการใช้สายตา เช่นการเล่นช่อนหา
- มองเห็นสีผิดไปจากปกติ
- มักบ่นว่าปวดศรีษะ คลื่นใส้ ตาลาย คันตา
- ก้มศรีษะชิดกับงาน หรือของเล่นที่วางอยู่ตรงหน้า
- ขาดความสนใจ เหม่อลอย
- เพ่งตา หรี่ตา หรือปิดตาข้างหนึ่ง เมื่อใช้สายตา
- ตาและมือไม่สัมพันธ์กัน
- ลำบากในเรื่องการใช้บันได ใส่กระดุม ผูกเชือกรองเท้า อ่านและเขียนหนังสือ
- มีความลำบากในการจำ และแยกแยะสิ่งที่เป็นรูปร่างทางเรขาคณิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น