30 มกราคม 2557
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 เวลา 15.00 - 17.30 น กลุ่มเรียน 102
อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
กิจกรรมในห้องเรียน
***วันนี้เรียนเรื่องการดูแลรักษาและส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่มีความต้องการพิเศษ***
5 เรื่องไม่ควรมองข้ามในการดูแล
"ลูกคนพิเศษ"
หากได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของเด็กพิเศษ
ทุกท่านคงหนีไม่พ้นการรับบทหนักในการดูแลลูกมากกว่าพ่อแม่คนอื่น ๆ
เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้ไม่สามารถพัฒนาความสามารถได้เต็มตามศักยภาพที่มีอยู่ได้ด้วยวิธีการปกติตามธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูตามปกติ หรือการเรียนการสอนตามปกติทั่วไป
เนื่องจากข้อจำกัดบางประการที่มีอยู่ในตัวเด็ก ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา พฤติกรรม
อารมณ์ หรือสัมพันธภาพทางสังคม ซึ่งการดูแลเด็กกลุ่มนี้
จำเป็นต้องได้รับความเอาใจใส่ และความใกล้ชิดเป็นพิเศษ
และคนสำคัญที่จะช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด ไม่ใช่โรงเรียน หรือใครอื่นใด
แต่คือครอบครัวนั่นเอง
"พ่อแม่หลายคนชอบตั้งความหวังกับโรงเรียน
แต่กลับไม่เคยให้ความสำคัญกับลูกเวลาอยู่ที่บ้านเลย
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพจากเด็กที่มาจาก 2 ครอบครัว
เริ่มจากครอบครัวแรก เด็กได้รับการดูแลเอาใจใส่ทั้งเวลา ความรัก และความเข้าใจ
รวมทั้งพ่อแม่ให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนเป็นอย่างดี ส่วนอีกครอบครัวหนึ่ง
คุณพ่อทำกิจการใหญ่โต ไม่มีเวลาดูแลลูก คุณแม่มีงานสังคมอยู่เรื่อย ๆ
ส่วนเด็กอยู่กับคนใช้เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งครูพิเศษที่พ่อแม่จ้างมาสอนที่บ้าน ทั้ง 2
ครอบครัวนี้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง
เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าพัฒนาการของเด็กทั้ง 2 คนมีความแตกต่างกัน
ทั้ง ๆ ที่อาการเริ่มต้นมีความใกล้เคียงกัน ดังนั้น โรงเรียนไม่ใช่เบอร์ 1 ค่ะ ครอบครัวต่างหากที่เป็นเบอร์ 1" ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนเด็กพิเศษเผย
ดังนั้น คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า
ครอบครัวมีบทบาทสำคัญที่สุดในการดูแลเด็กพิเศษ แต่ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ บอกว่า
การดูแลโดยการให้ความรักอย่างเต็มเปี่ยมอาจยังไม่เพียงพอ คุณพ่อคุณแม่ควรมีความรู้
ความเข้าใจ ประกอบกับมีเจตคติ และทัศนคติที่ถูกต้องด้วย และ 5 เรื่องต่อไปนี้คือสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลลูกคนพิเศษ
เริ่มจาก
มีความมั่นคงทางอารมณ์
คุณพ่อคุณแม่ควรยอมรับให้ได้ก่อนว่า
ลูกเป็นเด็กพิเศษ เมื่อยอมรับได้แล้ว สิ่งแรกที่พึงระลึกไว้เสมอก็คือ
ความมั่นคงทางอารมณ์ ไม่ทำอะไรผลีผลาม เช่น
พยายามควบคุมอารมณ์เมื่อเห็นเด็กคนอื่นกำลังล้อเลียน หรือแกล้งลูก
ด้วยการพาลูกเดินออกจากสถานการณ์ตรงนั้น และบอกให้เขาเข้าใจว่า
ที่เพื่อนพูดแบบนั้น ถ้าเราไม่ได้เป็น ก็ไม่ควรไปสนใจ
หรือถ้าเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นที่โรงเรียน ควรแจ้งคุณครูเพื่อให้ดำเนินการต่อไป
ไม่ควรเข้าไปจัดการปัญหาด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้ปัญหาบานปลาย
และตัวลูกเองอาจได้รับผลกระทบจากสังคมเพื่อนตามมาได้
ไม่ทิ้งการรักษา
ถ้าได้รับการรักษาจากแพทย์ ไม่ควรทิ้ง
หรือขาดช่วงการรักษา ควรติดตามการรักษา และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
ซึ่งพ่อแม่หลายคนกังวลเรื่องผลข้างเคียงของการใช้ยาจนลืมมองถึงผลเสียจากการไม่รับประทานยาไป
หากเด็กไม่ได้รับการรักษา และรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถึงวัยที่เด็กเข้าสู่สังคมโรงเรียน อาจเกิดปัญหาตามมาได้ โดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนในชั้นเรียน
แต่การใช้ยาควรใช้ร่วมกับการฝึกทักษะต่างๆ ที่จำเป็นไปพร้อม ๆ กันด้วย เช่น
ฝึกวินัย ปรับพฤติกรรม
เด็กจึงจะพัฒนาและมีความสามารถที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ดี
ฝึกเป็นผู้สังเกตการณ์แทนครู
คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยรายงานพฤติกรรม
หรือความเป็นไปเกี่ยวกับตัวลูกกับคุณครูที่โรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อให้ครูได้มีข้อมูลเพื่อใช้ในการพัฒนาเด็ก และเข้าใจเด็กมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ควรรู้จักรับฟัง พร้อมกับแลกเปลี่ยนกับคุณครูเพื่อนำองค์ความรู้ต่าง ๆ
ไปพัฒนาลูกให้ถูกทางต่อไป
อย่าเป็นพ่อแม่รังแกฉัน
เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ
คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านพยายามประคมประหงมลูกมากเกินไป หรือพูดง่าย ๆ คือ
เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กพิเศษมากเกินไป เช่น
ช่วยเหลือลูกทุกอย่างโดยที่เด็กไม่ได้รับการฝึกให้ช่วยเหลือตัวเอง หรือไม่ได้รับการฝึกที่จะยืนได้ด้วยตัวเองเลย
เนื่องจากมีพ่อแม่คอยปกป้องอยู่ตลอด เมื่อเป็นเช่นนี้
อาจทำให้เด็กมีปัญหาในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมตามมาได้
ทางที่ดีควรเลี้ยงลูกให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ปล่อยให้ลูกได้ช่วยเหลือตัวเองบ้างในบางเรื่อง อย่างน้อย ๆ เป็นการเพิ่มทักษะให้ลูกได้รู้จักพึ่งพาตัวเอง
และยืนได้ด้วยตัวของเขาเอง
หากิจกรรมทำร่วมกัน
หลาย ๆ
ครอบครัวมุ่งเน้นแต่กิจกรรมนอกบ้าน แต่ไม่ค่อยมีเวลาทำกิจกรรมร่วมกันในบ้านเลย วันหยุดเสาร์-อาทิตย์แทนที่จะพาลูกออกไปเรียนตามสถาบันต่าง ๆ
ควรมีกิจกรรมในบ้านที่ทำร่วมกันบ้าง เช่น นั่งรับประทานอาหาร อ่านหนังสือ
เล่านิทาน หรือพากันไปออกกำลังกายตามสวนสาธารณะใกล้บ้าน เป็นต้น
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากจะช่วยสานสัมพันธ์รักในครอบครัวแล้ว
ยังช่วยให้ลูกมีการพัฒนาความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่ดีขึ้น
แน่นอนว่า
การได้เห็นลูกมีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพที่เขามีอยู่
คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนปรารถนา แต่ระหว่างทางที่ไปสู่จุดหมายนั้น
เด็กต้องการเวลา ความรัก และกำลังใจดี ๆ จากพ่อแม่ หากทำได้เช่นนั้น
เชื่อเถอะครับว่า จุดหมายปลายทางที่วาดหวังไว้รอคุณอยู่ไม่ไกลนับจากนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น